MAIN POINT

  • การเปลี่ยนจากประตูธรรมดาๆ ให้กลายเป็น Digital Foor Lock ช่วยในเรื่องของความปลอดภัย ป้องกันผู้บุกรุกได้แล้ว ยังช่วยเพิ่มความสบายใจให้การอยู่อาศัยของเรามากขึ้นไปอีกระดับ 
  • Digital Door Lock มีหลายรูปแบบในปัจจุบันทั้งวิธีการติดตั้ง และระบบปลดล็อก เช่น ใช้ระบบรหัสผ่าน ระบบสแกนนิ้วมือ โดยเราสามารถเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสมของแต่ละบ้านได้เลย  

Digital Door Lock คืออะไร?

Digital Door Lock คือกลอนประตูดิจิตอล กลอนประตูที่สามารถปลดล็อกได้โดยไม่ต้องใช้กุญแจ มาพร้อมความปลอดภัย ช่วยป้องกันกุญแจปลอม หรือผู้บุกรุก อีกทั้งยังเหมาะกับคนที่ชอบลืมกุญแจบ้าน ในแง่ของการปลดล็อกประตู สามารถใช้ได้ทั้งรหัสผ่าน คีย์การ์ด ลายนิ้วมือ และปลดล็อกผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน 

ซึ่งขึ้นอยู่กับแต่ละรุ่นออกไปนอกจากนี้ Digital Door Lock ส่วนใหญ่จะมีระบบเตือนภัยหากมีใครพยายามปลดล็อกหรือพยายามสุ่มรหัสผ่าน ตลอดจนทำลายกลอนประตู เทคโนโลยีนี้จึงเป็นหนึ่งในไอเทมที่บ้านควรจะมี เพื่อเพิ่มความปลอดภัยและป้องกันการโจรกรรมได้อย่างดี โดยสามารถติดตั้งในทั้งในบ้านและคอนโด

                

 วิวัฒนาการของประตูในงานสถาปัตยกรรม

ประตู มีความหมายมากกว่าเพียงแค่ช่องทางเข้า-ออก และการเปิด-ปิดพื้นที่ต่างๆ เพื่อรักษาความปลอดภัย แต่ประตู-หน้าต่างเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่บ่งชี้ถึงความเชื่อ ศิลปกรรม และความเจริญรุ่งเรืองในแต่ละยุคสมัยที่แตกต่างกันตามแต่ละท้องถิ่น

เส้นทางวิวัฒนาการของประตูในงานสถาปัตยกรรม เกิดจากปัจจัยการเปลี่ยนแปลงต่างๆไม่ว่าจะเป็นรูปแบบประเภทประตู วัสดุที่ถูกค้นพบ วัสดุที่ถูกประดิษฐ์คิดค้นขึ้น หรือ ถูกพัฒนาขึ้นจากเทคโนโลยีในแต่ละยุคสมัย รวมไปถึงความเชื่อต่างๆที่เกี่ยวข้องกับลักษณะการใช้งาน 

ซึ่งวิวัฒนาการในแต่ละยุคจะมีข้อมูลอะไรที่น่าสนใจบ้างนั้น วันนี้ EAKER Smarthome ได้ย่อยมาให้แล้ว ตามมาชมกันเลยครับ

               

ยุคก่อนคริสตศักราช (BC)

  • 3000 ปีก่อนคริสตศักราช : ทวีปยุโรปเริ่มใช้ประตูไม้
  • 2000 ปีก่อนคริสตศักราช : ทวีปเอเชียเริ่มใช้ประตูหิน
  • 587 ปีก่อนคริสตศักราช : พระเจ้าซาโลมอนผู้สร้างวิหารแห่งซาโลมอนใช้แผ่นไม้มะกอกชุบทองคำปิดหน้าวิหารในกรุงเยรูซาเลม
  • ยุคคริสต์ศตวรรษ (Century AD)

    • คริสต์ศตวรรษที่ 1 : ประตูบานพับและบานเลื่อนเริ่มใช้ในนครโรมันโบราณปอมเปอี
    • คริสต์ศตวรรษที่ 4 : ประตูอัตโนมัติถูกประดิษฐ์ขึ้นครั้งแรกโดยนักวิชาการชาวกรีก
    • คริสต์ศตวรรษที่ 5 : ประตูอัตโนมัติมีเซ็นเซอร์ที่เท้าถูกประกอบขึ้นครั้งแรกในจีน
    • คริสต์ศตวรรษที่ 6 – 9 : ทองแดงและสัมฤทธิ์ถูกใช้กับประตูในยุโรปสมัยกลาง
    • คริสต์ศตวรรษที่ 12 – 15 : ประตูไม้ถูกแกะสลักอย่างอ่อนช้อยตามศิลปะนิยมของยุคสมัย
 

             

ยุคคริสต์ศักราช (AD)

  • ค.ศ.1881 : ประตูหมุนถูกประดิษฐ์ในเยอรมนี
  • ค.ศ.1909 : นักเคมีชาวอเมริกันประดิษฐ์วัสดุพอลิเมอร์ครั้งแรก
  • คศ.1932 : นักวิจัยของบริษัทโอเว่นส์อิลลินอยส์ (Owens-Illinois, Inc.) ได้สร้างสรรค์อุตสาหกรรมการผลิตไฟเบอร์กลาส (Fiberglass)
  • ค.ศ.1970 – 1979 : การผลิตวัสดุพอลิเมอร์ล้ำหน้ากว่าการผลิตเหล็กทั่วโลก
  • ค.ศ.1981 : บริษัทสเปเชียล-ลิท (Special-Lite, Inc.) ได้สร้างสรรค์ประตูพลาสติกเสริมแรงด้วยเส้นใย (FRP; Fiber Reinforced Polymer) ครั้งแรกของโลก
  • ยุคใหม่ ตั้งแต่ปี 1982 – ปัจจุบัน

    • ปี 1982 เป็นต้นมา : ได้มีการผลิตประตูจากวัสดุที่หลากหลายมากขึ้น ได้แก่ ไม้จริง, ไม้สำเร็จรูปประเภทต่างๆ, ไม้ Engineer, ไม้เทียม WPC, กระจกประเภทต่างๆ, อลูมิเนียม, พลาสติก PVC (Polyvinyl Chloride) และ uPVC (Unplasticized Poly Vinyl Chloride)
    • ปี 2000 เป็นต้นมา : ประตูประเภทไหนจะถูกเลือกขึ้นมาใช้ในงานออกแบบนั้น ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม โดยพิจารณาจากประเภทวัสดุประตู ฟังก์ชั่นการใช้งานของประตูที่เหมาะสมกับพื้นที่นั้นๆ สไตล์งานในออกแบบ รวมไปถึงความชื่นชอบส่วนตัวของเจ้าของโครงการนั้นๆ ซึ่งตลอดเกือบ 40 ปีที่ผ่านมา ประตูถูกนำไปใช้ร่วมกับงานออกแบบหลากหลายสไตล์ ได้แก่ สไตล์โมเดิร์น (Modern style) สไตล์ร่วมสมัย (Contemporary style) สไตล์โมเดิร์นคลาสสิก (Modern classic style) สไตล์มินิมอล (Minimal style) สไตล์ลอฟท์ (Loft style) ที่ถูกสลับขึ้นมาเป็นที่นิยมในสังคมและวนซ้ำไปมาภายในช่วงเวลาสั้นๆ
    • ปี 2005 เป็นต้นมา : ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยี Digital Door Lock ใช้งานอย่างแพร่หลาย และเกิดการพัฒนานวัตกรรมใหม่อย่างระบบ Smart Home Automation ที่สั่งการ และประมวลผลการใช้งานประตู ผ่านระบบ AI และระบบ Internet of Things (IoT) ซึ่งระบบประเภทนี้จะทำให้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ สามารถเชื่อมโยงหรือส่งข้อมูลถึงกันได้ด้วยอินเทอร์เน็ต โดยไม่ต้องป้อนข้อมูล การเชื่อมโยงนี้ง่ายจนทำให้เราสามารถสั่งการควบคุมการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆภายในบ้าน รวมถึงการเปิดปิดประตูอัตโนมัติ ผ่านทางเครือข่ายอินเตอร์เน็ตได้อย่างสะดวกสบาย และปลอดภัย 
    • ความหมายของประตู-หน้าต่างในซีกโลกตะวันออก

      1. ประตู เป็นสัญลักษณ์ของการก้าวข้ามจุดเปลี่ยนสเปซอย่างมีสติ

      การก้าวเข้า-ออกประตู จากข้างนอกสู่ข้างใน หรือจากข้างในสู่ข้างนอก เป็นสัญลักษณ์ของการก้าวข้ามพร้อมยอมรับการเปลี่ยนแปลงของชีวิตด้วยสติ กุศโลบายนี้แฝงอยู่ในการออกแบบดีเทลธรณีประตู ดังจะเห็นได้จาก การห้ามเหยียบธรณีประตูวิหารวัดในประเทศไทยและวัดในประเทศญี่ปุ่น เพื่อต้องการให้เจริญสติขณะก้าวข้ามจุดเปลี่ยนสเปซจากภายนอกสู่ภายในนั่นเอง

       

       

      2. ประตู เป็นสัญลักษณ์ของความเชื่อเรื่องทิศมงคล

      – ประตูเมือง ประตูเมืองในอดีตถูกกำหนดความหมายของประตูในแต่ละทิศแตกต่างกัน เช่น ทิศเหนือเป็นหัวของเมือง เป็นเดชเมือง จึงถูกกำหนดเป็นประตูทางเข้าของพระมหากษัตริย์ตามโบราณราชประเพณี ทิศใต้และทิศตะวันตกเฉียงใต้เป็นประตูผี จึงถูกกำหนดเป็นประตูทางออกของศพ เป็นต้น

       

       

      – ประตูกับหลักฮวงจุ้ย (Feng Shui)

      หลักฮวงจุ้ยเป็นศิลปะแห่งการวางตำแหน่งให้ถูกต้องตามทิศทางของแสงอาทิตย์และลม ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพและนำพาโชคลาภเข้าสู่ตัวสถาปัตยกรรมตามความเชื่อของชาวจีนโบราณ

      Feng 風 หมายถึง ลม

      Shui 水 หมายถึง น้ำ

      หลักฮวงจุ้ยเป็นศิลปะแห่งการวางตำแหน่งให้ถูกต้องตามทิศทางของแสงอาทิตย์และลม ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพและนำพาโชคลาภเข้าสู่ตัวสถาปัตยกรรมตามความเชื่อของชาวจีนโบราณ

      ตำแหน่งของประตูภายในบ้าน

      ตำแหน่งของประตูภายในบ้านเป็นส่วนสำคัญที่สุดในการวิเคราะห์ฮวงจุ้ยว่าดีหรือไม่ ตามตำราฮวงจุ้ยโบราณกล่าวว่า ทิศใต้ดีที่สุด เพราะเป็นทิศทางลมที่ดีและเป็นทิศของทรัพย์และโชคลาภ

      รองลงมาคือทิศตะวันออก เพราะเป็นทิศที่พระอาทิตย์ขึ้น แสงอาทิตย์ส่องยามเช้าและเป็นทิศของมังกร ทิศเหนือไม่ดี เพราะเป็นทิศอับลม ในฤดูหนาวจะนำลมแห้งแล้งเข้าสู่ตัวบ้านทำให้เสี่ยงต่อโรคภัย ทิศตะวันตกไม่ดี เพราะแสงอาทิตย์ส่องยามบ่ายทำให้บ้านร้อน